บรรณไม่เคยพลาดเลย เขาเอาอยู่ทุกโปรเจคตั้งแต่เรียนแล้ว ไม่ใช่แค่เอาอยู่อย่างเดียวแต่มันมักจะเป็นโปรเจคที่เพื่อนร่วมรุ่นอิจฉา
“มันคิดได้ไงวะ fin façade ที่บิดเฉียงตามกระแสอากาศ ventilation โดยไม่ต้องใช้อิเลคโทรนิคส์อะไรเลย” ปองส่องโมเดลโปรเจคของบรรณอย่างละเอียดก็ยังวิเคราะห์แบบไม่ออกว่าทำไมมันถึงล้ำได้ขนาดนี้
“มันเหนือกว่านั้นอีกนะเว้ย นี่มันคิดให้ fin façade นี่เป็นแผงโซลาร์เซลเก็บพลังงานอีกนะเนี่ย แล้วดูดีไซน์มันดิ โคตรลงตัว นึกภาพความมันวาวของแผงโซลาร์สะท้อนแดดระหว่างวัน โคตรสวยเลย” เอกผู้เข้ามาร่วมส่องงานละเอียดโปรเจคนี้ด้วยอีกคน ทึ่งจัด
“กูว่ามันโคตรลงตัวทั้ง innovation และ aesthetics เลยว่ะ”
“Architecture as a journal of the passing moments สถาปัตยกรรมที่บันทึกวัน เวลา อากาศ ในทุกช่วงขณะของวัน โห..คอนเซปท์ deep ยังกะบทกวี กูชักสงสัยใครเขียนให้มันวะ ปกติไอ้บรรณมันไม่พริ้งขนาดนี้นะ” เอกตั้งข้อสังเกต
“มึงก็ลองปลุกมันมาซักดูสิ โน่น..หมดฤทธิ์เอ็ม 100 นอนหมดสภาพอยู่โน่น”
นั่นคือภาพของบรรณผู้ที่อยู่ในจุดที่สุดเสมอ เก่งที่สุด เนิร์ดที่สุด บ้าพลังที่สุด
“วิ..เขียนให้” บรรณส่งเสียงอู้อี้จากผ้าห่มตอบมา
“หืมม…วิไหนวะ”ทั้งปองและเอกถามออกมาเกือบจะพร้อมกัน
“วิ…เพื่อนที่อักษรฯ…” บรรณอู้อี้ตอบ เอกกับปองรอฟังต่อ
“วิ..หัวใจข้างขวาของเรา” เอกกับปองสบตากันแบบเหวอๆ
“ท่ามันจะละเมอว่ะ”แล้วค่อยๆย่องออกจากสตูปล่อยให้บรรณนอนยิ้มอยู่กับ….หัวใจข้างขวาของเขา และนั่นละที่วิเป็นสำหรับบรรณ เป็นหัวใจข้างขวาของบรรณที่เต้นคู่เคียงกันไป สูบฉีดพลังให้บรรณพร้อมๆ กันไปกับหัวใจที่อยู่ข้างซ้ายที่เป็นหัวใจจริงๆของบรรณ
“ผมโชคดีจังมีหัวใจสองดวง หัวใจข้างซ้ายของผม สูบฉีดให้พลังสมองพลังความคิดให้พลังที่จะท้าทายกับโจทย์ใหม่ๆ มันอาจจะห่าม ๆ และแข็งกระด้างบางที แต่ผมมีหัวใจข้างขวาที่มาบาลานซ์ความละเมียดละเอียดอ่อนให้ผม เป็น The other half ของผมที่ทำให้ผมมายืนอยู่ที่จุดนี้ได้” Speech ตอนที่บรรณขึ้นไปรับรางวัลสถาปนิกดีเด่นแห่งเอเชีย ยิ่งย้ำถึงความสำคัญของวิ ความผูกพันอย่างลึกซึ้งทั้งในฐานะคู่รัก คู่ชีวิตที่เคียงข้างกันมาและ “รางวัลนี้ผมขอแชร์กับหัวใจข้างขวาของผมด้วย ถ้าพวกคุณจะไม่ว่าอะไร” เสียงตบมือดังก้องไปทั้งหอประชุม เสียงกับความรู้สึกดีที่ได้อยู่ใน”ที่สุด” คือสิ่งเดียวที่หลงเหลือมาจากวันนั้น  วันนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวใจของบรรณ เขาได้ยินมัน เห็นภาพมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับฉายหนังซ้ำ หากเพียงแต่วันนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกดีที่ได้อยู่ใน”ที่สุด”อีกต่อไป มันกลับทิ่มแทงบั่นทอนเขาในวันนี้ วันที่บรรณเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก  หัวใจข้างซ้ายของเขาอยู่ในซีกนั้น มันทำอะไรไม่ได้ มันได้แต่คิดวนเวียนคร่ำครวญ ห่วงใยหนักอึ้ง คนที่เหลือแค่ครึ่งเดียวอย่างเขาจะเลี้ยงดูพ่อแม่ จะรับผิดชอบคู่ชีวิตได้ยังไง แต่หัวใจข้างขวาของบรรณยังต้องเต้นต่อไป แม้มันจะอ่อนแรง มันจะท้อ มันก็ยังต้องเต้นต่อไป เต้นแทนหัวใจข้างซ้าย ที่วิไม่เคยคิดจะทอดทิ้ง แต่ก็นั่นแหละการแบกชีวิตของตัวเธอเอง ชีวิตของบรรณ ของพ่อแม่เธอและพ่อแม่เขา เป็นภาระที่ใหญ่จนหัวใจเธอเกินจะแบกไหว ถ้าจะมีใครสักคนช่วยเธอได้…หรือว่า
“บรรณ…วิมีอะไรจะบอก” วิเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเครียดๆ ขณะนั่งกินอาหารเช้ากัน บรรณกำลังพยายามดื่มกาแฟที่คอยจะไหลออกจากริมฝีปากด้านที่เป็นอัมพาต แต่บรรณก็ยังไม่ยอมแพ้วิ คอยเอาผ้าเช็ดกาแฟที่หกไหลออกมาจากปาก “วิไม่ไหวแล้วนะบรรณ วิขอเลิก ต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่เหอะ ต่างคนต่างดูแลตัวเองพ่อแม่ตัวเองดีกว่า เราลากกันถูลู่ถูกังอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวหรอก” หัวใจข้างซ้ายหยุดเต้นไป นี่หัวใจข้างขวาก็จะมาหยุดทำงานไปอีกดวงหรือ ?
ไม่หรอก มันมีทางออกดีกว่านี้ วิ สลัดความคิดนั้นออกไป เธอไม่มีวันแยกกับบรรณ ยิ่งในเวลาที่เขาต้องการเธอมากขนาดนี้
“บรรณ..วิมีอะไรจะบอก” วิเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสดใส ขณะนั่งกินอาหารเช้ากัน บรรณกำลังพยายามดื่มกาแฟที่คอยจะไหลออกจากริมฝีปากด้านที่เป็นอัมพาต แต่บรรณก็ยังไม่ยอมแพ้ วิคอยเอาผ้าเช็ดกาแฟที่หกไหลออกมาจากปาก “เราย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ๆ หมอกันนะบรรณ จะมีคนช่วยวิดูแลบรรณ แล้ววิก็จะได้ทำงานเต็มที่ดูแลพ่อแม่ของเรานะ เปลี่ยนไปอยู่บ้านคอนเซปท์แบบที่บรรณเคยคิดน่ะ บ้านที่เป็นเปลให้ชีวิต โอบอุ้มชีวิตเราเสมอทุกช่วงเวลา cradle of life ไงจำได้ไหมพ่อสถาปนิกดีเด่นแห่งเอเชีย”
หัวใจข้างขวายังคงเต้นไปเคียงคู่หัวใจด้านซ้ายที่กำลังฝึกเต้นใหม่
บรรณไม่เคยพลาดเลย เขาเอาอยู่ทุกโปรเจคท์ตั้งแต่เรียนแล้ว ไม่ใช่แค่เอาอยู่อย่างเดียวแต่มันมักจะเป็นโปรเจคท์ที่เพื่อนร่วมรุ่นอิจฉา
“มันคิดได้ไงวะ fin façade ที่บิดเฉียงตามกระแสอากาศ ventilation โดยไม่ต้องใช้อิเลคโทรนิคส์อะไรเลย” ปองส่องโมเดลโปรเจคท์ของบรรณอย่างละเอียดก็ยังวิเคราะห์แบบไม่ออกว่าทำไมมันถึงล้ำได้ขนาดนี้
“มันเหนือกว่านั้นอีกนะเว้ย นี่มันคิดให้ fin façade นี่เป็นแผงโซลาร์เซลเก็บพลังงานอีกนะเนี่ย แล้วดูดีไซน์มันดิ โคตรลงตัว นึกภาพความมันวาวของแผงโซลาร์สะท้อนแดดระหว่างวัน โคตรสวยเลย” เอกผู้เข้ามาร่วมส่องงานละเอียดโปรเจคท์นี้ด้วยอีกคน ทึ่งจัด
“กูว่ามันโคตรลงตัวทั้ง innovation และ aesthetics เลยว่ะ”
“Architecture as a journal of the passing moments สถาปัตยกรรมที่บันทึกวัน เวลา อากาศ ในทุกช่วงขณะของวัน โห..คอนเซปท์ deep ยังกะบทกวี กูชักสงสัยใครเขียนให้มันวะ ปกติไอ้บรรณมันไม่พริ้งขนาดนี้นะ” เอกตั้งข้อสังเกต
“มึงก็ลองปลุกมันมาซักดูสิ โน่น..หมดฤทธิ์เอ็ม 100 นอนหมดสภาพอยู่โน่น”
นั่นคือภาพของบรรณผู้ที่อยู่ในจุดที่สุดเสมอ เก่งที่สุด เนิร์ดที่สุด บ้าพลังที่สุด
“วิ..เขียนให้” บรรณส่งเสียงอู้อี้จากผ้าห่มตอบมา
“หืมม…วิไหนวะ”ทั้งปองและเอกถามออกมาเกือบจะพร้อมกัน
“วิ…เพื่อนที่อักษรฯ…” บรรณอู้อี้ตอบ เอกกับปองรอฟังต่อ
“วิ..หัวใจข้างขวาของเรา” เอกกับปองสบตากันแบบเหวอๆ
“ท่ามันจะละเมอว่ะ”แล้วค่อยๆย่องออกจากสตูปล่อยให้บรรณนอนยิ้มอยู่กับ….หัวใจข้างขวาของเขา และนั่นละที่วิเป็นสำหรับบรรณ เป็นหัวใจข้างขวาของบรรณที่เต้นคู่เคียงกันไป สูบฉีดพลังให้บรรณพร้อมๆ กันไปกับหัวใจที่อยู่ข้างซ้ายที่เป็นหัวใจจริงๆของบรรณ
“ผมโชคดีจังมีหัวใจสองดวง หัวใจข้างซ้ายของผม สูบฉีดให้พลังสมองพลังความคิดให้พลังที่จะท้าทายกับโจทย์ใหม่ๆ มันอาจจะห่าม ๆ และแข็งกระด้างบางที แต่ผมมีหัวใจข้างขวาที่มาบาลานซ์ความละเมียดละเอียดอ่อนให้ผม เป็น The other half ของผมที่ทำให้ผมมายืนอยู่ที่จุดนี้ได้” Speech ตอนที่บรรณขึ้นไปรับรางวัลสถาปนิกดีเด่นแห่งเอเชีย ยิ่งย้ำถึงความสำคัญของวิ ความผูกพันอย่างลึกซึ้งทั้งในฐานะคู่รัก คู่ชีวิตที่เคียงข้างกันมาและ “รางวัลนี้ผมขอแชร์กับหัวใจข้างขวาของผมด้วย ถ้าพวกคุณจะไม่ว่าอะไร” เสียงตบมือดังก้องไปทั้งหอประชุม เสียงกับความรู้สึกดีที่ได้อยู่ใน”ที่สุด” คือสิ่งเดียวที่หลงเหลือมาจากวันนั้น  วันนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวใจของบรรณ เขาได้ยินมัน เห็นภาพมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับฉายหนังซ้ำ หากเพียงแต่วันนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกดีที่ได้อยู่ใน”ที่สุด”อีกต่อไป มันกลับทิ่มแทงบั่นทอนเขาในวันนี้ วันที่บรรณเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก  หัวใจข้างซ้ายของเขาอยู่ในซีกนั้น มันทำอะไรไม่ได้ มันได้แต่คิดวนเวียนคร่ำครวญ ห่วงใยหนักอึ้ง คนที่เหลือแค่ครึ่งเดียวอย่างเขาจะเลี้ยงดูพ่อแม่ จะรับผิดชอบคู่ชีวิตได้ยังไง แต่หัวใจข้างขวาของบรรณยังต้องเต้นต่อไป แม้มันจะอ่อนแรง มันจะท้อ มันก็ยังต้องเต้นต่อไป เต้นแทนหัวใจข้างซ้าย ที่วิไม่เคยคิดจะทอดทิ้ง แต่ก็นั่นแหละการแบกชีวิตของตัวเธอเอง ชีวิตของบรรณ ของพ่อแม่เธอและพ่อแม่เขา เป็นภาระที่ใหญ่จนหัวใจเธอเกินจะแบกไหว ถ้าจะมีใครสักคนช่วยเธอได้…หรือว่า
“บรรณ…วิมีอะไรจะบอก” วิเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเครียดๆ ขณะนั่งกินอาหารเช้ากัน บรรณกำลังพยายามดื่มกาแฟที่คอยจะไหลออกจากริมฝีปากด้านที่เป็นอัมพาต แต่บรรณก็ยังไม่ยอมแพ้วิ คอยเอาผ้าเช็ดกาแฟที่หกไหลออกมาจากปาก “วิไม่ไหวแล้วนะบรรณ วิขอเลิก ต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่เหอะ ต่างคนต่างดูแลตัวเองพ่อแม่ตัวเองดีกว่า เราลากกันถูลู่ถูกังอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวหรอก” หัวใจข้างซ้ายหยุดเต้นไป นี่หัวใจข้างขวาก็จะมาหยุดทำงานไปอีกดวงหรือ ?
ไม่หรอก มันมีทางออกดีกว่านี้ วิ สลัดความคิดนั้นออกไป เธอไม่มีวันแยกกับบรรณ ยิ่งในเวลาที่เขาต้องการเธอมากขนาดนี้
“บรรณ..วิมีอะไรจะบอก” วิเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสดใส ขณะนั่งกินอาหารเช้ากัน บรรณกำลังพยายามดื่มกาแฟที่คอยจะไหลออกจากริมฝีปากด้านที่เป็นอัมพาต แต่บรรณก็ยังไม่ยอมแพ้ วิคอยเอาผ้าเช็ดกาแฟที่หกไหลออกมาจากปาก “เราย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ๆ หมอกันนะบรรณ จะมีคนช่วยวิดูแลบรรณ แล้ววิก็จะได้ทำงานเต็มที่ดูแลพ่อแม่ของเรานะ เปลี่ยนไปอยู่บ้านคอนเซปท์แบบที่บรรณเคยคิดน่ะ บ้านที่เป็นเปลให้ชีวิต โอบอุ้มชีวิตเราเสมอทุกช่วงเวลา cradle of life ไงจำได้ไหมพ่อสถาปนิกดีเด่นแห่งเอเชีย”
หัวใจข้างขวายังคงเต้นไปเคียงคู่หัวใจด้านซ้ายที่กำลังฝึกเต้นใหม่