“ต้นอะไรนี่ ทำไมเราไม่เคยเห็นเลย” อุดมมองออกไปนอกหน้าต่างห้องประชุม ต้นไม้ใหญ่ลำต้นตรงเสียดยอดขึ้นมาในระดับสายตา กำลังระบัดใบอ่อนตามยอดเกือบทุกยอดเป็นสีเขียวอ่อนสดใส แสงแดดช่วงสายจับตามยอดใบ ยิ่งสะท้อนสีเขียวสดใสจับตา ทั้งต้นทิ้งใบแก่ร่วงกราวกองอยู่รอบโคนต้น ราวกับจะบอกว่ามันทำหน้าที่ของมันจบแล้ว ถึงเวลาที่มันต้องละต้นไปตามวาระ ใบแก่เหล่านั้นวันหนึ่งเคยเป็นใบไม้เขียวสดใสใบใหญ่เมื่อโตเต็มที่และได้ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงมาให้ชีวิตกับต้นไม้ครบฤดูกาลของมันแล้ว วันนี้มันยังร่วงหล่นเป็นใบไม้ใหญ่ที่กรอบแห้งตกลง มาเป็นปุ๋ยให้กับต้นที่มันเติบโตมา ชีวิตที่ร่วงหล่นของใบไม้กลายเป็นปุ๋ยทำนุบำรุงให้ชีวิตได้แตกยอดใหม่ระบัดใบอ่อนเพื่อเติบโตต่อไป
คำถามนั้นยังค้างคาอยู่ในใจอุดม เขาทำงานที่นี่มาจนจะเกษียณ ประชุมลูกน้องในความรับผิดชอบกว่าร้อยชีวิตในห้องประชุมนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้ง ใช้เวลาอันแสนจะตึงเครียดในห้องประชุมนี้หลายพันชั่วโมง เดินเข้าออกอย่างเร่งรีบกับตารางเวลาผ่านลานจอดรถที่ต้นไม้ปริศนานั้นปลูกอยู่มาไม่ต่ำกว่าพันครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นบริษัทของเขาเอง พื้นที่นี้ทั้งหมดคือพื้นที่ที่เขาเป็นเจ้าของ ต้นไม้นี่ก็เป็นของเขา เขาอาจจะเป็นคนสั่งให้แผนกแลนด์สเคปจัดการด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นมัน ไม่เคยรู้จักมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร
“พี่อุดมครับ เริ่มประชุมเลยไหมครับ ?” เสียงของหนุ่มลูกน้องที่เริ่มต้นทำงานกับบริษัทของอุดมตั้งแต่เป็นนักศึกษาฝึกงานจนตอนนี้เขาเติบโตเป็นหัวหน้าแผนกการตลาดในวัยยังไม่ถึงสามสิบดี และถึงแม้อุดมจะดำรงตำแหน่ง CEO สำหรับลูกน้องทุกคนที่นี่อุดมมีตำแหน่งเป็นพี่อุดมที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้องทุกเรื่อง รวมทั้งให้โอกาส ให้ความรู้ สอนงาน แบ่งปันประสบการณ์ สนับสนุนให้ลูกน้องเติบโตก้าวหน้า อุดมไม่เคยหยุดงานเลยสักวันถ้าไม่ได้ป่วยหนักๆ ในทุกโครงการของบริษัทนี้มีอุดมเป็นส่วนหนึ่งทุกงาน เขาไม่ได้เป็นแค่ CEO ที่สั่งการแต่เข้าไปคลุกคลีกับลูกน้องเสมอ ทุกปัญหาของทุกแผนกเป็นปัญหาของอุดมด้วย “เหมือนปลูกต้นไม้ ผมจะปกครองพวกคุณเหมือนปลูกต้นไม้ ให้ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินให้เราเติบโตไปด้วยกัน” อุดมเคยพูดไว้กับลูกน้องของเขาในงานเลี้ยงปีใหม่  ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีตำแหน่งเป็นพี่อุดมของทุกคนที่นี่ไม่ใช่ CEO
อุดมละสายตาจากต้นไม้ปริศนากลับมาที่ห้องประชุม ลูกน้องมากันครบนั่งกันเต็มห้องประชุมตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่ทันเห็น หนุ่มเตรียมพาวเวอร์พอยท์พร้อมพรีเซนท์เรียบร้อย กาแฟดำร้อนในแก้วมัคประจำตัวของเขามาตั้งรออยู่แล้ว ควันยังลอยกรุ่น กลิ่นกาแฟโชยมาเตะจมูก มืออุดมเลื่อนไปจับแก้วสองมือรับเอาความอุ่นของกาแฟมาปลุกตัวเอง “(Not) just another day” ข้อความปลุกใจบนแก้ว กลิ่นกาแฟที่โยงไปกับการทำงานที่ต่อเนื่องยาวนานและแก้วอุ่นๆ ที่มากระตุ้น ปุ่มเปิดสมองประจำวันของอุดมมาพร้อมแล้ว มากดปุ่ม ON ให้อุดมเหมือนทุกวัน แค่เพียงวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน ปุ่มนั้นไม่ ON
อุดมมองไปรอบห้องกวาดสายตาที่ว่างเปล่าไปตามใบหน้าลูกน้องทีละคน เขามองไปยังจอสไลด์ พาวเวอร์พอยท์หน้าแรกที่หนุ่มเตรียมไว้ฉายอยู่บนจอ “แผนงานการตลาด CLMV” โลโกบริษัทของเขาวางเด่นอยู่ที่มุมขวาบน สำหรับเขามันไม่คุ้นเคยเอาซะเลย เหมือนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เหมือนที่เพิ่งเคยเห็นต้นไม้นอกหน้าต่าง ใบหน้าแต่ละคนที่นั่งกันอยู่ในห้องประชุมก็ช่างห่างไกลความทรงจำ เอกสารและจอแล็ปท็อบที่เปิดกางอยู่ตรงหน้าก็ช่างรางเลือน เขาก้มลงมองมือสองข้างของตัวเอง “นี่มือของเรารึเปล่านี่”
เพียงชั่วครู่นั้นที่อุดมสัมผัสได้ถึงความว่างโหวงเหมือนเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศ เขาไม่รู้หรอกว่าใครบ้างที่ฉุดเขาลงมาเหยียบพื้นโลก หลังจากเกิดอาการสมอง shut down ไปชั่วครู่ในครั้งนั้น ในความห่วงใยของผู้คนแวดล้อมที่รักเขาทั้งลูกน้องทั้งครอบครัว เขาจึงมาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ หมอ..ที่นี่ มารับการรักษาด้วยการนั่งพรวนดินปลูกต้นไม้ในสวน ง่วนอยู่กับการดูแลจับหนอนแมลง ถอนหญ้า ริดกิ่งก้าน ตัดแต่ง ดูแลต้นไม้ของเขาวนไปทั้งวัน ปลดปล่อยความเคร่งเครียด ปลูกความสบายใจที่เป็นรากฐานของความสบายกาย re-boost สมอง refresh ชีวิต “ต้นสาละ ใช่..นึกออกแล้ว ต้นไม้นอกหน้าต่างนั่น เราปลูกมันเองกับมือ” หน่ออ่อนของความทรงจำเริ่มแตกยอดแล้ว….
“ต้นอะไรนี่ ทำไมเราไม่เคยเห็นเลย” อุดมมองออกไปนอกหน้าต่างห้องประชุม ต้นไม้ใหญ่ลำต้นตรงเสียดยอดขึ้นมาในระดับสายตา กำลังระบัดใบอ่อนตามยอดเกือบทุกยอดเป็นสีเขียวอ่อนสดใส แสงแดดช่วงสายจับตามยอดใบ ยิ่งสะท้อนสีเขียวสดใสจับตา ทั้งต้นทิ้งใบแก่ร่วงกราวกองอยู่รอบโคนต้น ราวกับจะบอกว่ามันทำหน้าที่ของมันจบแล้ว ถึงเวลาที่มันต้องละต้นไปตามวาระ ใบแก่เหล่านั้นวันหนึ่งเคยเป็นใบไม้เขียวสดใสใบใหญ่เมื่อโตเต็มที่และได้ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงมาให้ชีวิตกับต้นไม้ครบฤดูกาลของมันแล้ว วันนี้มันยังร่วงหล่นเป็นใบไม้ใหญ่ที่กรอบแห้งตกลง มาเป็นปุ๋ยให้กับต้นที่มันเติบโตมา ชีวิตที่ร่วงหล่นของใบไม้กลายเป็นปุ๋ยทำนุบำรุงให้ชีวิตได้แตกยอดใหม่ระบัดใบอ่อนเพื่อเติบโตต่อไป
คำถามนั้นยังค้างคาอยู่ในใจอุดม เขาทำงานที่นี่มาจนจะเกษียณ ประชุมลูกน้องในความรับผิดชอบกว่าร้อยชีวิตในห้องประชุมนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้ง ใช้เวลาอันแสนจะตึงเครียดในห้องประชุมนี้หลายพันชั่วโมง เดินเข้าออกอย่างเร่งรีบกับตารางเวลาผ่านลานจอดรถที่ต้นไม้ปริศนานั้นปลูกอยู่มาไม่ต่ำกว่าพันครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นบริษัทของเขาเอง พื้นที่นี้ทั้งหมดคือพื้นที่ที่เขาเป็นเจ้าของ ต้นไม้นี่ก็เป็นของเขา เขาอาจจะเป็นคนสั่งให้แผนกแลนด์สเคปจัดการด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นมัน ไม่เคยรู้จักมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร
“พี่อุดมครับ เริ่มประชุมเลยไหมครับ ?” เสียงของหนุ่มลูกน้องที่เริ่มต้นทำงานกับบริษัทของอุดมตั้งแต่เป็นนักศึกษาฝึกงานจนตอนนี้เขาเติบโตเป็นหัวหน้าแผนกการตลาดในวัยยังไม่ถึงสามสิบดี และถึงแม้อุดมจะดำรงตำแหน่ง CEO สำหรับลูกน้องทุกคนที่นี่อุดมมีตำแหน่งเป็นพี่อุดมที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้องทุกเรื่อง รวมทั้งให้โอกาส ให้ความรู้ สอนงาน แบ่งปันประสบการณ์ สนับสนุนให้ลูกน้องเติบโตก้าวหน้า อุดมไม่เคยหยุดงานเลยสักวันถ้าไม่ได้ป่วยหนักๆ ในทุกโครงการของบริษัทนี้มีอุดมเป็นส่วนหนึ่งทุกงาน เขาไม่ได้เป็นแค่ CEO ที่สั่งการแต่เข้าไปคลุกคลีกับลูกน้องเสมอ ทุกปัญหาของทุกแผนกเป็นปัญหาของอุดมด้วย “เหมือนปลูกต้นไม้ ผมจะปกครองพวกคุณเหมือนปลูกต้นไม้ ให้ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินให้เราเติบโตไปด้วยกัน” อุดมเคยพูดไว้กับลูกน้องของเขาในงานเลี้ยงปีใหม่  ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีตำแหน่งเป็นพี่อุดมของทุกคนที่นี่ไม่ใช่ CEO
อุดมละสายตาจากต้นไม้ปริศนากลับมาที่ห้องประชุม ลูกน้องมากันครบนั่งกันเต็มห้องประชุมตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่ทันเห็น หนุ่มเตรียมพาวเวอร์พอยท์พร้อมพรีเซนท์เรียบร้อย กาแฟดำร้อนในแก้วมัคประจำตัวของเขามาตั้งรออยู่แล้ว ควันยังลอยกรุ่น กลิ่นกาแฟโชยมาเตะจมูก มืออุดมเลื่อนไปจับแก้วสองมือรับเอาความอุ่นของกาแฟมาปลุกตัวเอง “(Not) just another day” ข้อความปลุกใจบนแก้ว กลิ่นกาแฟที่โยงไปกับการทำงานที่ต่อเนื่องยาวนานและแก้วอุ่นๆ ที่มากระตุ้น ปุ่มเปิดสมองประจำวันของอุดมมาพร้อมแล้ว มากดปุ่ม ON ให้อุดมเหมือนทุกวัน แค่เพียงวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน ปุ่มนั้นไม่ ON
อุดมมองไปรอบห้องกวาดสายตาที่ว่างเปล่าไปตามใบหน้าลูกน้องทีละคน เขามองไปยังจอสไลด์ พาวเวอร์พอยท์หน้าแรกที่หนุ่มเตรียมไว้ฉายอยู่บนจอ “แผนงานการตลาด CLMV” โลโกบริษัทของเขาวางเด่นอยู่ที่มุมขวาบน สำหรับเขามันไม่คุ้นเคยเอาซะเลย เหมือนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เหมือนที่เพิ่งเคยเห็นต้นไม้นอกหน้าต่าง ใบหน้าแต่ละคนที่นั่งกันอยู่ในห้องประชุมก็ช่างห่างไกลความทรงจำ เอกสารและจอแล็ปท็อบที่เปิดกางอยู่ตรงหน้าก็ช่างรางเลือน เขาก้มลงมองมือสองข้างของตัวเอง “นี่มือของเรารึเปล่านี่”
เพียงชั่วครู่นั้นที่อุดมสัมผัสได้ถึงความว่างโหวงเหมือนเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศ เขาไม่รู้หรอกว่าใครบ้างที่ฉุดเขาลงมาเหยียบพื้นโลก หลังจากเกิดอาการสมอง shut down ไปชั่วครู่ในครั้งนั้น ในความห่วงใยของผู้คนแวดล้อมที่รักเขาทั้งลูกน้องทั้งครอบครัว เขาจึงมาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ หมอ..ที่นี่ มารับการรักษาด้วยการนั่งพรวนดินปลูกต้นไม้ในสวน ง่วนอยู่กับการดูแลจับหนอนแมลง ถอนหญ้า ริดกิ่งก้าน ตัดแต่ง ดูแลต้นไม้ของเขาวนไปทั้งวัน ปลดปล่อยความเคร่งเครียด ปลูกความสบายใจที่เป็นรากฐานของความสบายกาย re-boost สมอง refresh ชีวิต “ต้นสาละ ใช่..นึกออกแล้ว ต้นไม้นอกหน้าต่างนั่น เราปลูกมันเองกับมือ” หน่ออ่อนของความทรงจำเริ่มแตกยอดแล้ว….