“เฮ้ย..พวกมึงว่า ถ้าเราเกิดตายไป แบบไปตายในที่แปลกๆ เลยนะ เขาจะรู้ได้ไงวะว่าศพนั้นคือเรา สมมติไปตายอยู่แถวหิมะถล่มในเทือกเขาหิมาลัยไรงี้ ไอ้เวย์มึงไม่ต้องมองหน้ากูเหวอๆ ที่กูสมมตินี่ใกล้ความจริงมาก มึงคิดดูโลกร้อนซะขนาดนี้ หิมะแม่งก็ละลายเร็ว แล้วเดี๋ยวนี้ไอ้พวกมิดไลฟ์ไครซิสทั้งหลาย แม่ง..ชอบท้าทายสังขาร อยากโชว์เก๋าว่าข้ายังไม่เข้าวัยสังขารขาลง กูเห็นแม่งมีแต่พวกผมขาวแซมจอนทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวแม่ง..ก็วิ่งอัลตร้ามาราธอน เดี๋ยวแม่ง..ก็ไปแวคเคชึ่น ABC เบสแคมป์ เดี๋ยว..แม่งก็ว่ายน้ำกับฉลามที่เซบู แต่ละกิจกรรมฝืนสังขารของพวกมิดไลฟ์นี่ รนหาที่ทั้งนั้น กูว่า” ไอ้ยุ่นโยนประเด็นลงกลางวงเหล้า งานของมันแหละ คนอื่นเขาชงเหล้าส่วนไอ้ยุ่นนี่ชงประเด็น
“ถ้าเจอฉลามขี้เหวี่ยงแดกเข้าก็ไม่ต้องคิดแล้ว” พจน์ชงต่อ “อ่ะ..แต่ถ้าหิมะถล่มทับตาย มึงก็แช่แข็งไงฟรีซไว้เลย คนที่เจอศพมึงก็รู้ว่าเป็นมึงแหละ แต่ใบหน้าสุดท้ายก่อนตายของมึงอาจจะตาเหลือกลาน ศพไม่สวยเท่าไร” ต้นเข้ามาต่อความ
“แต่ถ้าเป็นกูนะยังไงศพกูก็หล่อถึงหน้าไม่ให้เพราะกูใส่แบ็กกี้” ไอ้เวย์ตามมาตบมุกตอนกำลังกรึ่มได้ที่ มุกที่มีพี่เขาคนเดียวนี่แหละที่เล่นได้ ก็สมัยนี้มีใครเขาใส่แบ็กกี้กัน ถามยังมั่นใจว่าใส่แล้วหล่ออีกต่างหาก เพราะฉะนั้นมุกตายหล่อๆ ในแบ็กกี้นี่ต้องเป็นของพี่เวย์คนเดียวเท่านั้น
“เออ..ถ้ามึงตายนะยังไงก็จำได้ หนุ่มใหญ่ถูกฝังกลบอยู่ในหิมะถล่ม กางเกงของเขาแปลกประหลาด โดดเด่นกว่าใคร เพราะไม่ใช่กางเกงสกีธรรมดา มันเป็นยีนส์แบ็กกี้ อ้ะ..หลานๆรุ่นเจนซีอย่าทำหน้างง ศพนี้ลุงเวย์จากกรุงเทพฯผู้นี้นี่เอง” ยุ่นถนัดชงลงเอยมุกซะหวาดเสียว
ในท่ามกลางชีวิตของคนออฟฟิศ วันเวลาของเราเลื่อนไหลไปกับอะไร การงานที่สนุกบ้างเครียดบ้าง รุ่งบ้างตกกระป๋องบ้าง สำเร็จบ้างล้มเหลวบ่อย แข่งขันกันบ้างกอดคอกันบ้าง เสพชีวิตทั้งแบบแคร์ชีวิตและไม่สนว่าชีวิตจะเป็นยังไง วงสนทนาสาระไม่มียามเย็นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพร้อมๆ ไปกับอัลกอฮอล์ นิโคติน และอะไรๆ อีกหลายอย่างที่ช่วยปรุงแต่งบทสนทนาให้บ้าบอยิ่งขึ้น ราวกับว่าชีวิตคนออฟฟิศต้องการความบ้าบอเป็นสรณะ สรณะที่ทำให้พวกเขามีแรงกลับไปขึ้นสังเวียนต่อในวันรุ่งขึ้น
ในวงสนทนาอันดูจะไร้สาระ หยิบยกเอาความตายมาล้อเล่น ไม่ได้มีความคิดจะนำมันมาเป็นมรณานุสติแต่อย่างใด โลกที่ขับเคลื่อนไปด้วยความห่ามของชีวิต สายตาที่มองไม่เห็นข้างหน้าหรืออาจจะเลือกไม่มอง มองเห็นแต่วันนี้ที่เข้มข้นไปด้วยรสชาติจัดจ้าน รสชาติที่ช่วงชีวิตนี้เท่านั้นจะมอบให้เราเสพได้ จะพลาดได้ไง โชคดีที่บทสนทนาล้อเล่นกับความตายในวันนั้นลงเอยที่โรงพยาบาลเราก็เลยไม่พลาดที่จะใช้ชีวิต
วันนั้นที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้วงเหล้าที่สุดมีคนไข้ใส่แบ็กกี้เข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉินห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูงที่ล้วนสร่างเมากันอย่างรวดเร็วเมื่อต้องเปลี่ยนที่จากร้านเหล้ามาเป็นห้องขาวโล่งเย็นเยียบในโรงพยาบาลยามดึก โชคดีของเวย์ที่ไม่ต้องให้ใครมาพิสูจน์ศพจากกางเกงแบ็กกี้  อาการสโตรกที่แล่นขึ้นมาเป็นระลอกจุกที่หน้าอกของเขา เกิดกระทันหันไม่เลือกเวลา ไม่เตือนก่อน โชคดีที่ชีวิตคนออฟฟิศมีวงสนทนาไร้สาระยามเย็นกับบรรดาเพื่อนๆ ที่ตอนนี้หน้าซีดกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ผ่านวันนั้นมาแบบพึ่งพระรอด แต่ใครก็ตามที่เจอเข้ากับจังหวะนั้นเข้า ก็ต้องมีซินโดรมแน่นอน เวย์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จะว่าไปไอ้ซินโดรมนี่ก็แผ่กระจายไปในสมาชิกวงสนทนาไร้สาระนั้นทุกคนน่ะแหละ ยุ่นเอ่ยขึ้นมา “กูไม่ควรเล่นแบบนี้กับมึง มันเป็นลาง”
“เออ..แทนที่มึงจะคิดว่ากูเป็นได้ มึงก็เป็นได้ ระวังเหอะมึงอ่ะ” เวย์ซึ่งตอนนี้มานั่งเมาดิบกับเพื่อนๆ อย่างเดียว ความกลัวที่จะต้องตายอย่างโดดเดี่ยวถ้าเกิดสโตรกขึ้นมาอีกทำให้เขายังต้องมาเกาะกลุ่มอย่างน้อยก็ยังมีคนพาไปโรงพยาบาลทัน
“เออ..มานั่งล้อมวงกินน้ำหวานกันมั่งก็คงจะดีนะ เปลี่ยนแนวมั่ง” ต้นผสมโรงขณะผสมเหล้าแก้วที่สาม
“กูก็ไม่ได้บอกให้พวกมึงหักดิบ มึงยังไม่เจอแบบกู แต่กูบอกก่อนเจอเข้าแบบกู แล้วพวกมึงก็อยู่แฟลตอยู่หออะไรของมึงคนเดียวน่ะ กว่าคนจะมาเจอ ศพไม่สวยแน่มึง” เวย์ย้ำแบบจริงจัง
“แล้วมึงอ่ะไอ้เวย์ มึงก็อยู่คนเดียวไม่กลัวเหรอวะ” ต้นถาม
“กลัวดิวะ ไม่งั้นกูจะมานั่งเมาดิบกับพวกมึงอยู่ทำไม” เวย์ตอบ
“ถ้ามีสักที่นะที่กูไปอยู่แบบอยู่คนเดียวนี่แหละ แต่มีสังคมเพื่อนฝูง มีหมอหรือพยาบาลที่คอยเช็คเราอยู่เรื่อยๆ” “พยาบาล กูเอาพยาบาล” ยุ่นแซวข้ามมา” หรือถ้ายิ่งมีเทคโนโลยีอะไรที่คอยเช็คเรา เผื่อเป็นอะไรฉุกเฉิน ก็ช่วยทัน กูจะสบายใจมาก” เวย์เล่าความคิดของเขาให้วงสนทนาฟัง
“คือมึงไม่อยากตายอยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์แล้วคนยังไม่เจอ ต้องพิสูจน์กางเกงแบ็กกี้ถึงจะรู้ว่าเป็นมึงใช่มะ สื่อจอมเต้าทั้งหลายอาจจะดราม่าเรียกมึงว่า แบ็กกี้ผู้โดดเดี่ยว คอนเทนท์มึงมีหวังยอดร้องไห้ท่วม ไม่ดีเหรอวะตายดัง ฮ่าๆๆ” ต้นหัวเราะตามมุกตัวเองเสียงดัง
“ไม่! กูจะไม่ยอมเป็นแบ็กกี้ผู้โดดเดี่ยวเด็ดขาด” เวย์ปิดท้ายบทสนทนากระดกน้ำเปล่าตามด้วยท่าทีมุ่งมั่น
“เฮ้ย..พวกมึงว่า ถ้าเราเกิดตายไป แบบไปตายในที่แปลกๆ เลยนะ เขาจะรู้ได้ไงวะว่าศพนั้นคือเรา สมมติไปตายอยู่แถวหิมะถล่มในเทือกเขาหิมาลัยไรงี้ ไอ้เวย์มึงไม่ต้องมองหน้ากูเหวอๆ ที่กูสมมตินี่ใกล้ความจริงมาก มึงคิดดูโลกร้อนซะขนาดนี้ หิมะแม่งก็ละลายเร็ว แล้วเดี๋ยวนี้ไอ้พวกมิดไลฟ์ไครซิสทั้งหลาย แม่ง..ชอบท้าทายสังขาร อยากโชว์เก๋าว่าข้ายังไม่เข้าวัยสังขารขาลง กูเห็นแม่งมีแต่พวกผมขาวแซมจอนทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวแม่ง..ก็วิ่งอัลตร้ามาราธอน เดี๋ยวแม่ง..ก็ไปแวคเคชึ่น ABC เบสแคมป์ เดี๋ยว..แม่งก็ว่ายน้ำกับฉลามที่เซบู แต่ละกิจกรรมฝืนสังขารของพวกมิดไลฟ์นี่ รนหาที่ทั้งนั้น กูว่า” ไอ้ยุ่นโยนประเด็นลงกลางวงเหล้า งานของมันแหละ คนอื่นเขาชงเหล้าส่วนไอ้ยุ่นนี่ชงประเด็น
“ถ้าเจอฉลามขี้เหวี่ยงแดกเข้าก็ไม่ต้องคิดแล้ว” พจน์ชงต่อ “อ่ะ..แต่ถ้าหิมะถล่มทับตาย มึงก็แช่แข็งไงฟรีซไว้เลย คนที่เจอศพมึงก็รู้ว่าเป็นมึงแหละ แต่ใบหน้าสุดท้ายก่อนตายของมึงอาจจะตาเหลือกลาน ศพไม่สวยเท่าไร” ต้นเข้ามาต่อความ
“แต่ถ้าเป็นกูนะยังไงศพกูก็หล่อถึงหน้าไม่ให้เพราะกูใส่แบ็กกี้” ไอ้เวย์ตามมาตบมุกตอนกำลังกรึ่มได้ที่ มุกที่มีพี่เขาคนเดียวนี่แหละที่เล่นได้ ก็สมัยนี้มีใครเขาใส่แบ็กกี้กัน ถามยังมั่นใจว่าใส่แล้วหล่ออีกต่างหาก เพราะฉะนั้นมุกตายหล่อๆ ในแบ็กกี้นี่ต้องเป็นของพี่เวย์คนเดียวเท่านั้น
“เออ..ถ้ามึงตายนะยังไงก็จำได้ หนุ่มใหญ่ถูกฝังกลบอยู่ในหิมะถล่ม กางเกงของเขาแปลกประหลาด โดดเด่นกว่าใคร เพราะไม่ใช่กางเกงสกีธรรมดา มันเป็นยีนส์แบ็กกี้ อ้ะ..หลานๆรุ่นเจนซีอย่าทำหน้างง ศพนี้ลุงเวย์จากกรุงเทพฯผู้นี้นี่เอง” ยุ่นถนัดชงลงเอยมุกซะหวาดเสียว
ในท่ามกลางชีวิตของคนออฟฟิศ วันเวลาของเราเลื่อนไหลไปกับอะไร การงานที่สนุกบ้างเครียดบ้าง รุ่งบ้างตกกระป๋องบ้าง สำเร็จบ้างล้มเหลวบ่อย แข่งขันกันบ้างกอดคอกันบ้าง เสพชีวิตทั้งแบบแคร์ชีวิตและไม่สนว่าชีวิตจะเป็นยังไง วงสนทนาสาระไม่มียามเย็นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพร้อมๆ ไปกับอัลกอฮอล์ นิโคติน และอะไรๆ อีกหลายอย่างที่ช่วยปรุงแต่งบทสนทนาให้บ้าบอยิ่งขึ้น ราวกับว่าชีวิตคนออฟฟิศต้องการความบ้าบอเป็นสรณะ สรณะที่ทำให้พวกเขามีแรงกลับไปขึ้นสังเวียนต่อในวันรุ่งขึ้น
ในวงสนทนาอันดูจะไร้สาระ หยิบยกเอาความตายมาล้อเล่น ไม่ได้มีความคิดจะนำมันมาเป็นมรณานุสติแต่อย่างใด โลกที่ขับเคลื่อนไปด้วยความห่ามของชีวิต สายตาที่มองไม่เห็นข้างหน้าหรืออาจจะเลือกไม่มอง มองเห็นแต่วันนี้ที่เข้มข้นไปด้วยรสชาติจัดจ้าน รสชาติที่ช่วงชีวิตนี้เท่านั้นจะมอบให้เราเสพได้ จะพลาดได้ไง โชคดีที่บทสนทนาล้อเล่นกับความตายในวันนั้นลงเอยที่โรงพยาบาลเราก็เลยไม่พลาดที่จะใช้ชีวิต
วันนั้นที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้วงเหล้าที่สุดมีคนไข้ใส่แบ็กกี้เข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉินห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูงที่ล้วนสร่างเมากันอย่างรวดเร็วเมื่อต้องเปลี่ยนที่จากร้านเหล้ามาเป็นห้องขาวโล่งเย็นเยียบในโรงพยาบาลยามดึก โชคดีของเวย์ที่ไม่ต้องให้ใครมาพิสูจน์ศพจากกางเกงแบ็กกี้  อาการสโตรกที่แล่นขึ้นมาเป็นระลอกจุกที่หน้าอกของเขา เกิดกระทันหันไม่เลือกเวลา ไม่เตือนก่อน โชคดีที่ชีวิตคนออฟฟิศมีวงสนทนาไร้สาระยามเย็นกับบรรดาเพื่อนๆ ที่ตอนนี้หน้าซีดกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ผ่านวันนั้นมาแบบพึ่งพระรอด แต่ใครก็ตามที่เจอเข้ากับจังหวะนั้นเข้า ก็ต้องมีซินโดรมแน่นอน เวย์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จะว่าไปไอ้ซินโดรมนี่ก็แผ่กระจายไปในสมาชิกวงสนทนาไร้สาระนั้นทุกคนน่ะแหละ ยุ่นเอ่ยขึ้นมา “กูไม่ควรเล่นแบบนี้กับมึง มันเป็นลาง”
“เออ..แทนที่มึงจะคิดว่ากูเป็นได้ มึงก็เป็นได้ ระวังเหอะมึงอ่ะ” เวย์ซึ่งตอนนี้มานั่งเมาดิบกับเพื่อนๆ อย่างเดียว ความกลัวที่จะต้องตายอย่างโดดเดี่ยวถ้าเกิดสโตรกขึ้นมาอีกทำให้เขายังต้องมาเกาะกลุ่มอย่างน้อยก็ยังมีคนพาไปโรงพยาบาลทัน
“เออ..มานั่งล้อมวงกินน้ำหวานกันมั่งก็คงจะดีนะ เปลี่ยนแนวมั่ง” ต้นผสมโรงขณะผสมเหล้าแก้วที่สาม
“กูก็ไม่ได้บอกให้พวกมึงหักดิบ มึงยังไม่เจอแบบกู แต่กูบอกก่อนเจอเข้าแบบกู แล้วพวกมึงก็อยู่แฟลตอยู่หออะไรของมึงคนเดียวน่ะ กว่าคนจะมาเจอ ศพไม่สวยแน่มึง” เวย์ย้ำแบบจริงจัง
“แล้วมึงอ่ะไอ้เวย์ มึงก็อยู่คนเดียวไม่กลัวเหรอวะ” ต้นถาม
“กลัวดิวะ ไม่งั้นกูจะมานั่งเมาดิบกับพวกมึงอยู่ทำไม” เวย์ตอบ
“ถ้ามีสักที่นะที่กูไปอยู่แบบอยู่คนเดียวนี่แหละ แต่มีสังคมเพื่อนฝูง มีหมอหรือพยาบาลที่คอยเช็คเราอยู่เรื่อยๆ” “พยาบาล กูเอาพยาบาล” ยุ่นแซวข้ามมา” หรือถ้ายิ่งมีเทคโนโลยีอะไรที่คอยเช็คเรา เผื่อเป็นอะไรฉุกเฉิน ก็ช่วยทัน กูจะสบายใจมาก” เวย์เล่าความคิดของเขาให้วงสนทนาฟัง
“คือมึงไม่อยากตายอยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์แล้วคนยังไม่เจอ ต้องพิสูจน์กางเกงแบ็กกี้ถึงจะรู้ว่าเป็นมึงใช่มะ สื่อจอมเต้าทั้งหลายอาจจะดราม่าเรียกมึงว่า แบ็กกี้ผู้โดดเดี่ยว คอนเทนท์มึงมีหวังยอดร้องไห้ท่วม ไม่ดีเหรอวะตายดัง ฮ่าๆๆ” ต้นหัวเราะตามมุกตัวเองเสียงดัง
“ไม่! กูจะไม่ยอมเป็นแบ็กกี้ผู้โดดเดี่ยวเด็ดขาด” เวย์ปิดท้ายบทสนทนากระดกน้ำเปล่าตามด้วยท่าทีมุ่งมั่น